เมื่อเวลา 17.36 น.วันที่ 3 กรกฎาคม 2568 นางพร อายุ 67 ปี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อช่วงสายที่ผ่านมาเวลาประมาณ 10-11 น.ที่ผ่านมา มีคนร้ายเข้ามาก่อเหตุลักทรัพย์สินไปหลายรายการ เป็นสร้อยคอทองคำรูปพรรณน้ำหนัก สองสลึง 2 เส้น แหวนทองคำน้ำหนัก สองสลึง 1 วง รวมมูลค่าประมาณ 75,000 บาท แหวนเพชร 1 วง มูลค่าประมาณ 30,000 บาท พระเลี่ยมทอง 1 องค์ มูลค่าประมาณ 3,000 บาท แหวนพลอย 1 วง มูลค่าประมาณ 10,000 บาท สร้อยคอนาค 1 เส้น มูลค่าประมาณ 10,000 บาท เข็มขัดเงินและขันเงิน มูลค่าประมาณ 2,000 บาท โทรศัพท์มือถือ ซัมซุง 1 เครื่อง มูลค่าประมาณ 6,000 บาท และกระปุกออมสินมีเงินในกระปุกไม่ทราบจำนวน มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 1.3 แสนบาท หลังเกิดเหตุได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.ท.มินทราทิตย์ ทองใส รองสารวัตรสอบสวน สภ.ห้วยใหญ่ ไว้เป็นหลักฐานแล้ว โดยลูกสาวและลูกเขย ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนเกิดเหตุมารดาวัย 67 ปี เดินออกไปซื้อของซึ่งห่างจากบ้านไม่ไกล และไปเพียงไม่นาน เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ต้องตกใจหลังพบว่าข้าวของถูกรื้นค้นกระจัดกระจาย มีทรัพย์สินมีค่าหายไปหลายรายการ จึงรีบโทรหาลูกๆให้แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ แต่ก็ทำได้เพียงแนะนำให้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานี แล้วได้มาเพียงบันทึกประจำวัน เป็นกระดาษแผ่นเดียวเท่านั้น ก่อนจะเดินพาชี้ร่องรอยเข้ามาของคนร้าย มีรอยล้อรถจักรยานยนต์วิบาก เข้ามาจากทางด้านหลังซึ่งเป็นไร่มันสำปะหลัง จากนั้นคนร้ายได้ตัดลวดหนามข้างบ้านออกแล้วเดินถือมีดเข้ามารื้อค้นหาทรัพย์สินภายในห้องนอนทุกห้องอย่างใจเย็น โดยกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพไว้ได้บางส่วน เนื่องจากคนร้าย ใชัวิธีหันกล้องหลบเข้ามุมเพื่อไม่ให้จับภาพได้ แต่ก็มีบางจุดที่บันทึกภาพไว้ได้ คนร้ายเป็นผู้ชายรูปร่างสันทัด สูงประมาณ 165 ถึง170 เซนติเมตร แต่งกายมิดชิด สวมหมวกปีก ใช้ผ้าปิดบังใบหน้า สวมถุงมือ แต่งกายคล้ายกลุ่มคนขับรถวิบาก ในมือยังถือมีดยาวประมาณ 1 ฟุต เดินเข้ามาภายในห้องแล้วหันกล้องหลบไปในจุดอับ ก่อนรื้อค้นทรัพย์สิน อีกมุมยังบันทึกภาพสุนัขเห่าแล้วกระดิกห่าง ซึ่งสงสัยว่าต้องเป็นบุคคลที่รู้จัก หรือเคยเข้ามาที่บ้านนี้ อย่างไรก็ตามคนร้ายได้เข้ามารื้อค้นทรัพย์สินไปจนหมด แล้วหลบหนีกลับออกไปทางเดิม ทิ้งไว้เพียงร่องรอยรื้อค้นข้าวของกระจัดกระจาย ร่องรอยล้อรถจักรยานยนต์วิบาก และภาพจากกล้องวงจรปิดไว้เป็นเบาะแส ท้าทายความสามารถของเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น แต่ในความรู้สึกของคนในบ้านยังคงหวาดหวั่น ว่าคนร้ายจะกลับมาก่อเหตุซ้ำหรือไม่ เพราะหากเข้ามาเจอคนอาจได้รับอันตรายได้ เนื่องจากที่บ้านมีแต่เด็ก ผู้หญิง และคนชราอาศัยอยู่ ก็วอนขอความเห็นใจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยล่าตัวคนร้ายรายนี้ มาดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายด้วย