ตร.ล่อซื้อยาไอซ์ ตรวจค้นพบทั้ง เค/ไอซ์/ยาบ้า และอาวุธปืน วันนี้เมื่อเวลา 17.00 น. (10 มิ.ย. 2568) พ.ต.ต.ศราวุธ เห็มภิระ สว.สส.ภ.จว.ชลบุรี, ร.ต.อ.ภูเบศ รวมทรัพย์ รอง สว.สส.สภ.เมืองพัทยา, ร.ต.ท.ธนวิชญ์ วันทอง รอง สว.(สส.)สภ.เมืองพัทยา และชุดสืบสวน ทำการล่อซื้อยาเสพติดกลุ่มแก๊งวัยรุ่นที่เข้าขายยาเสพติด ให้กับวัยรุ่นในเขตเมืองพัทยา ตามแหล่งท่องเที่ยว ตามนโยบายของ พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี, พ.ต.อ.ชาตรี สุขสิริ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ 1.นายบุรินทร์ หรือโอ๊ต ผลวิวัฒน์ อายุ 31 ปี 2. นายชัชวาลย์ หรือบอย วงษ์ทอง อายุ 36 ปี พร้อมด้วยของกลาง คือ ยาไอซ์ จำนวน 3,915 กรัม, ยาเค จำนวน 300 กรัม, ยาบ้า จำนวน 7,000 เม็ด, อุปกรณ์แบ่งจำหน่าย (เครื่องชั่ง+ถุงซิป), อาวุธปืนแบบลูกโม่ (แบงค์กันแปลง) จำนวน 1 กระบอก + กระสุนปืน .38 จำนวน 6 นัด โดยสามารถจับกุมได้บริเวณหน้าคอนโดแห่งหนึ่ง ถ.พัทยาใต้ ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี การจับกุมในครั้งนี้ทางสายลับแจ้งว่าผู้ต้องหา2คนนี้ มียาเสพติดและชอบส่งยาให้กลุ่มวัยรุ่นจึงให้สายลับติดต่อขอซื้อยา พอนำยาเสพติดมาส่งให้ ตามจุดก็แสดงตัวเข้าจับกุม และขยายผลไปตรวจค้น อาคารชุดบ้านเอื้ออาทรเมืองใหม่บางพลี ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ และ ห้องที่ 3 ห้องเช่าไม่มีชื่อ ม.1 ซ.7 ถ.เทพารักษ์ ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ พบยาเสพติดทั้งหมด 2 จุด จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง2 มาสอบสวนเพิ่มเติมให้การยอมรับ และรับว่ารับยามาจากคนอื่น แต่นำยามาทิ้งให้ตามจุดให้ไปเก็บ แต่ไม่รู้จักกับเจ้าของยาเลย เบื้องต้นนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนสภ.เมืองพัทยา พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ผู้ถูกจับที่ 1 ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและร่วมกันจำหน่ายโดยการขายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน, ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2(ยาเค) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและร่วมกันจำหน่ายโดยการขายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2(ยาเค) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน, มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย ผู้ถูกจับที่ 2 จ้อกล่าวหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและร่วมกันจำหน่ายโดยการขายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน, ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2(ยาเค) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและร่วมกันจำหน่ายโดยการขายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2(ยาเค) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน, มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป , มีวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (ยาเค) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน, เสพและเป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร หรือจำเป็นเร่งด่วน

รวบเอเย่นต์ ยาบ้า-ไอซ์ หาเงินเล่นพนันออนไลน์ เมื่อเวลา 22.00น. วันที่ 7 มิถุนายน 2568 พ.ต.อ.สราวุธ นุชนารถ ผกก.สภ.บางละมุง มอบหมายให้พ.ต.ท.กรณ์พงษ์ สุขวิสิฏฐ์ รองผกก.สส.สภ.บางละมุง , ร.ต.ท.ธงธวัช พลละคร รอง สว.สส.สภ.บางละมุง (ชุดปฏิบัติการพิเศษ) พร้อมชุดสืบสวน สภ.บางละมุง ลงพื้นที่จับกลุ่มแก๊งเอเย่นต์ค้ายาเสพติดในพื้นที่อำเภอบางละมุง ตามนโยบาย พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 3 ราย พร้อมของกลางยาบ้า ยาไอซ์ และรถยนต์ 2 คัน โดยการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก ร.ต.ท.ธงธวัช พลละคร รอง สว.สส.สภ.บางละมุง (ชุดปฏิบัติการพิเศษ) ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มวัยรุ่นนำยาเสพติดเข้ามาขาย จึงส่งสายลับทำการล่อซื้อภายในห้องเช่าแห่งหนึ่ง ในเขต ต.หนองปลาไหล จนสามารถจับกุมรายที่ 1 นายคณิน วรรณโกษิตย์ อายุ 35 ปี พร้อมยาไอซ์จำนวน 4.15 กรัม และขณะตรวจค้นห้องพักอยู่มีผู้ต้องหารายที่2. นายชยพล อุระชื่น อายุ 38 ปี ติดต่อเข้ามือถือมาว่าจะนำยามาส่ง ทางชุดจับกุมจึงวางแผนให้มาส่งยา จนสามารถจับกุมตัวได้พร้อมของกลาง ยาไอซ์จำนวน 21.20 กรัม ยาบ้า 15 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในรถเก๋งฮอนด้าซีวิค สีขาว ทะเบียน 5 กฮ 472 กรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องหาที่3. นายมนต์ชัย จันทร์น่วม อายุ34ปี ขับรถโตโยต้าวีออส สีดำ ทะเบียน ฎฉ 9465 กรุงเทพมหานคร ขับติดตามมาด้วยจึงทำการตรวจค้น ก็พบยาไอซ์ 29กรัม ยาบ้า25เม็ด อยู่ในกระเป๋าในรถ จึงทำการตรวจยึดและนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม ที่สภ.บางละมุง จากการสอบถามผู้ต้องหาที่2.นายชยพล อุระชื่น ให้การว่าตนเป็นแค่พ่อค้าคนกลางคอยนำยามาส่งให้ตามกลุ่มวัยรุ่นในเขตอำเภอบางละมุง ส่วนเงินที่ได้มานั้นตนนำไปเล่นการพนัน ปั่นสล็อตในมือถือหมดจึงฝากเตือนคนที่คิดจะเล่นพนันในมือถือว่าให้เลิกเพราะขนาดตนขายยาเสพติดได้เงินมาง่ายมากก็เล่นจนเสียหมดไม่มีทางได้แน่นอน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง3คนและยาเสพติด รถยนต์ทั้ง2คัน ส่งพนักงานสอบสวนสภ.บางละมุงดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

ไม่รอด จอมยุทธ์ “หลี่” ผู้ต้องหากระโดดหนีจากโรงพักเมืองพัทยา เหมาแท็กซี่ไปเมืองจัน ความคืบหน้ากรณี นายหลี่ เจี่ยน อายุ 38 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาคดี “ฉ้อโกง” ตามหมายจับ ศาลแขวงพัทยา ที่ จ.78/2568 ลงวันที่ 4 มิถุนายน 2568 กระโดดหนีออกจากห้องสอบสวนเบอร์ 19 ชั้น 2 ของ สภ.เมืองพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี แล้ววิ่งหลบหนีไปทางถนนพัทยาสาย 2 ขณะที่พนักงานสอบสวน ตำแหน่ง รอง.สารวัตร สอบสวน พยายามวิ่งกระโดดตามลงมา แต่พลาดหลังกระแทกเก้าอี้หินอ่อน หน้าฟาดพื้น ก่อนจะฮึดวิ่งไล่ตาม ผู้ต้องหา ไปอย่างกระชั้นชิด แต่ตามไม่ทัน ผู้ต้องหาหนีรอดไปได้ ขณะที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ระดมกำลังปิดเมืองไล่ล่าผู้ต้องหาชาวจีนรายนี้ ผ่านไปกว่า 10 ชั่วโมง ไร้วี่แวว ล่าสุดเวลาประมาณ 19.30 น. ของวันที่ 5 มิถุนายน 2568 ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ออกมายืนยันว่า นายหลี่ เจี่ยน อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาชาวจีน ในคดีฉ้อโกง ที่หลบหนีออกจากห้องสอบสวน ของโรงพักเมืองพัทยา เมื่อช่วง 01.31 น. ก่อนจะวิ่งหลบหนีออกไปทางถนนพัทยาสาย 2 ถูกตำรวจ สภ.เมืองจันทบุรี จับได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านถนนมหาราช ต.ตลาด อ.เมือง จ.จันทบุรี และชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทยา ได้เดินทางไปรับตัว กลับมาเพื่อสอบสวนเพิ่มเติม ในช่วงกลางดึกของวันที่ 5 มิ.ย.68 ขณะที่มีการรายงานข่าวว่าการจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก ทีมชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทยา หลังที่ผู้ต้องหาก่อเหตุหลบหนีออกจากโรงพัก ได้ลงพื้นที่หาข่าวทุกด้าน ทั้งในเรื่องของ เส้นทางการหลบหนี รวมถึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดทุกตัว จนพบว่า นายหลี่ เจี่ยน มีการเหมารถแท็กซี่ ในราคา 4,000 บาท มุ่งหน้าไปยังจันทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่มีเขตชายแดน ไทย - กัมพูชา จึงมีการประสาน พล.ต.ต.ผดุงศักดิ์ รักษาสุข ผบก.ภ.จว.จันทบุรี จนสามารถสืบสวนและติดตาม จับกุม นายหลี่ เจี่ยน ได้ดังกล่าว ส่วนสาเหตุจูงใจในการหลบหนี ในครั้งนี้ ยังไม่ทราบว่ามาจากเรื่องอะไร ต่อมาเมื่อเวลา 00.46 น. วันที่ 6 มิถุนายน 2568 เจ้าหน้าที่ทีมสืบสวนสภ. เมืองพัทยาได้นำตัวนายหลี่ เจี่ยน อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาหลบหนีชาวจีน มาที่สภ. เมืองพัทยา ซึ่งอยู่ในอาการสีหน้าเคร่งเครียดนั่งก้มหน้าอยู่ตลอดเวลา โดยพ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ ผกก.สภ.เมืองพัทยา กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นยอมรับว่าเกิดจากความผิดพลาด แต่ทางผู้บังคับบัญชาเบื้องสูง กำชับให้ต้องติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาหลบหนีให้ได้ และมีความเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของพนักงานสอบสวน ที่กระโดดจากชั้นสอง เพื่อตามจับกุมคนร้ายรายนี้ และมีความเข้าใจในการทำงานของพนักงานสอบสวนนายนี้ ในขณะที่ร.ต.ท.เกรียงไกร แก้วพิภพ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองพัทยา หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองนำตัวผู้ต้องหารายนี้มาส่ง ก็ได้ควบคุมตัวขึ้นไปที่ห้องทำงานเพื่อสอบสวน โดยมีทั้งล่ามแปลภาษา และคู่กรณีอยู่ด้วย ก็เปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายได้เจรจากัน เนื่องจากเป็นคดีเกี่ยวกับการฉ้อโกงระหว่างเพื่อนกับเพื่อน ผู้ต้องหาก็ได้ออกอุบายขอโทรศัพท์ติดต่อเพื่อน เพื่อให้ติดต่อทนาย จังหวะนั้นผู้ต้องหาก็รีบวิ่งกระโดดลงหน้าต่างชั้นสอง ตนเองก็รีบวิ่งกระโดดตามไปทันที แต่ด้วยความสูงจึงทำให้ตกลงมาได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังคงฝืนวิ่งได้ตามแต่ก็คาดกัน ก็พยายามประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ในการติดตามหาแต่ก็ไม่พบตัว ด้านพ.ต.ท.อรุษ สภานนท์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองพัทยา ได้เปิดเผยว่า หลังได้รับแจ้งว่ามีผู้ต้องหาหลบหนี ก็นำกำลังลงพื้นที่หาเบาะแส พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตลอดเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนีผ่านไป จนพบว่าผู้ต้องหากระโดดขึ้นรถสหกรณ์สองแถว เมื่อผู้ต้องหาเห็นว่าห่างจากจุดที่ตัวเองหลบหนีแล้ว ก็กระโดดลงจากรถจากสหกรณ์สองแถว แล้วเดินเท้าไปขึ้นรถจักรยานยนต์รับจ้าง แล้วต่อรถอีกทอดไปลงพัทยาเหนือ เพื่อต่อรถไปยังท่าช้างจังหวัดจันทบุรี เพื่อจะหนีข้ามประเทศ จนกระทั้งถูกจับได้ที่จังหวัดจันทบุรี

เก๋งหลุดโค้งพลิกคว่ำ เจ็บเล็กน้อย เมื่อเวลา 20.10 น. วันที่ 5 มิถุนายน 2568 ศูนย์สว่างกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมะสถานเมืองพัทยา รับแจ้งมีเหตุรถเก๋งพลิกคว่ำ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบนถนนสาย 36 เบี่ยงเข้า 331 มุ่งหน้าสัตหีบ ต. เขาไม้แก้ว ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋งโตโยต้า อัลติส สีบรอนซ์ ทะเบียน 3 กฉ 126 กรุงเทพมหานคร เสียหลักพลิกคว่ำหงายท้องอยู่ข้างทาง ภายในรถพบผู้บาดเจ็บ คือ นายธนะเมศฐ์ หิรัญพัชรนนท์ อายุ 41 ปี เป็นคนขับ ได้รับบาดเจ็บถลอกตามร่างกาย ส่วนคนที่นั่งมาด้วยเป็นชาย ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ทำการปฐมพยาบาลในเบื้องต้นให้ แต่ผู้บาดเจ็บไม่ประสงค์ไปโรงพยาบาล สอบถามผู้ได้รับบาดเจ็บเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า กำลังขับรถไปรับเพื่อน พอมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ จังหวะนั้นกำลังเลี้ยวเข้าโค้ง รถได้เกิดเสียหลักลื่นไถลทรายจากนั้นรถได้พลิกคว่ำดังกล่าว

#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด กองทัพบก เชิญชวนคนไทย ติดแฮชแท็ก เพื่อเป็นขวัญกำลังใจพี่น้องชาวทหาร

กำแพงหมู่บ้านถล่มทับคนงานก่อสร้างเจ็บหนัก 4 ราย เมื่อเวลา 14.10 น. วันที่ 5 มิถุนายน 2568 ศูนย์วิทยุกู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา รับแจ้งกำแพง รั้วปูนถล่มทับคนงาน ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดในไซด์งานก่อสร้างเลียบถนนทางรถไฟภายในซอยเขาตาโล ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงประสานกำลังอาสาสมัครกู้ภัยฯ พร้อมด้วยทีมแพทย์จากโรงพยาบาล เข้าช่วยเหลือด่วน ที่เกิดเหตุเป็นไซด์งานก่อสร้าง พบผู้บาดเจ็บ เป็นคนงานชายชาวพม่า 2 ราย นอนได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ ใต้ก้นบ่อเสาเข็ม ถูกกำแพงถล่มทับ นอนหมดสติจมกองเลือด เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ เร่งรัดช่วยเหลือผู้บาดเจ็บขึ้นจากบ่อดินด้วยความทุลักทุเล ส่วนอีกสองรายเป็นคนงานชายชาวไทย ได้รับบาดเจ็บตามตัวเจ็บปวดขาแขน เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯและทีมแพทย์จากโรงพยาบาล ได้ทำการปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บทั้งหมดก่อนเคลื่อนย้ายนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง สอบถาม นางสาวธนพร ขุนสีดา อายุ 34 ปี แฟนสาวของผู้ได้รับบาดเจ็บเล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุทุกคนกำลังทำงานขุดปรับหน้าดินบริเวณรั้วกำแพง กั้นระหว่างหมู่บ้านกับไซด์งาน เพราะกำแพงเกิดเอียง ระหว่างที่กำลังใช้สว่านแยกปูนอยู่ด้านล่างก้นบ่อที่วางเสาเข็มไว้แล้ว กำแพงที่เอียงก็ถล่มมาทับคนงานที่อยู่ด้านล่างก้นบ่อ ส่วนคนงานด้านบนที่เป็นคนไทย ที่กำลังขนดิน ได้กระโดดหลบทันจึงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ด้านเจ้าของบ้านเล่าว่า คนงานได้ปรับหน้าดินตรงรั้วกำแพง เพื่ออัดหน้าดินให้แน่นไม่ให้กำแพงรั้วมันเอียง จังหวะคนงานกำลังทำงานอยู่ กำแพงเกิดเอียงจากนั้นก็ถล่มใส่คนงานที่กำลังทำงาน

อ่วมหลายจุด บรรยากาศผลจากฝนตกหนัก กลางดึก วันนี้ (4 มิ.ย. 2568 ) ผู้สื่อข่าวรายงานเกิดฝนตกหนักตลอด 1 ชั่วโมงในพื้นที่เมืองพัทยา ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมรอระบายหลายจุด รถเล็กและรถใหญ่ไม่สามารถสัญจรผ่านได้ในจุดเดิมๆ

“แก๊งจีนดำยิงกันเอง” พบปืน-ยาเสพติด และข้อมูลเชิงลึกเป็นแก๊งเอเย่นต์ยานรกครบวงจร ในสถานบันเทิงพัทยา ความคืบหน้า กรณี นายชีหยาง ชง ( Mr. Qiyang Song ) อายุ 26 ปี ชาวจีน ถูกเพื่อนสัญชาติเดียวกัน คือ คือ นายจูบิน ( MR.JU BIN ) อายุ 32 ปี ใช้อาวุธปืuยิงเข้าที่ข้อขาด้านขวาจนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่ตำรวจค้นรถเบนซ์ เจอยาเสพติดจำนวนมาก เหตุเกิดภายในบ้าน ซอย เขามะกอก 6/4 หมู่ 4 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อเวลา 12.00 น. ( 1 มิถุนายน 2568 ) พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ได้เดินทางมายัง สภ.ห้วยใหญ่ เพื่อติดตามความคืบหน้าในคดีนี้ โดยมี พ.ต.อ.ชาตรี สุขศิริ รอง.ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ. อรรถพล อิทธโยภาสกุล ผกก.สภ.ห้วยใหญ่ , พ.ต.อ.ภาสกร ไพจิตต์ ผกก.สส.ภ.จว.ชลบุรี , พร้อมชุดสืบสวน สภ.ห้วยใหญ่ , ตำรวจตรวจค้นเข้าเมืองชลบุรี , ตำรวจท่องเที่ยว ร่วมกันรายงานสรุปผลความคืบหน้าทางคดี ในเบื้องต้น ตำรวจ สภ.ห้วยใหญ่ ได้ควบคุม ชาวจีน 3 คน ซึ่งอยู่ในบ้านหลังเกิดเหตุทั้งหมด ประกอบด้วย 1. นายจู บิน ( MR.JU BIN ) อายุ 32 ปี มือยิง 2. นายหวัง จื่อเจี่ย ( MR.WANG ZHIJIE ) อายุ 26 ปี และ 3. นางสาวจาง จุนฮัน ( MS.ZHANG JUNHAN ) อายุ 24 ปี ชาวจีน โดยพบว่าทั้ง 3 คน อยู่ในสถานะอยู่ในราชอาณาจักรไทยเกินเวลาอนุญาตที่กำหนด (โอเวอร์สเตย์) โดยภายหลังก่อเหตุยิงเพื่อนชาวจีนด้วยกัน จนได้รับบาดเจ็บสาหัส แถมยังพยายามจะลากคนเจ็บให้เข้าไปนอนอยู่ในบ้าน หลังจากนั้นก็พากันขึ้นรถเก๋ง สีขาว ป้ายแดง ขับนำอาวุธปืนไปโยนทิ้งในบ่อน้ำ แล้วขับพยายามหลบหนี ห่างจากบ้านหลังเกิดเหตุไปไกลกว่า 3 กม. จากสุดท้ายก็ไปไม่รอด ถูกชุดสืบสวน สภ.ห้วยใหญ่ ควบคุมตัวได้ในที่สุด ต่อมาตำรวจ มีการย้อนกลับไปตรวจค้น บ้านหลังเกิดเหตุอีกครั้ง จนไปพบ ยาไอซ์ 3.22 กรัม อาวุธปืuสั้นไม่มีทะเบียน , กระสุนปืuขนาด 9 มม. , กระสุนปืuขนาด .38 , อุปกรณ์ผลิตบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนหนึ่ง ซุกซ่อนอยู่ภายในบ้าน นอกจากนี้ ยังตรวจค้นรถยนต์ ของกลุ่มชาวจีนทั้ง 3 คัน โดยในรถเบนซ์ สีน้ำเงิน พบ ยาไอซ์ 225.84 กรัม , ยาบ้า 711 เม็ด , ยาเคตามีน 165.83 กรัม อุปกรณ์ผลิตบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก ส่วนภายในรถเก๋งสีขาวคันที่ใช้ขับหลบหนี ค้นในรถพบกระเป๋าแบนด์เนมยี่ห้อดัง 2 ใบ ภายในเงินสด สกุลไทย หยวนจีน และ ดอลล่าร์ รวมทัังหมด 108,000 บาท ทั้งหมดถูกตำรวจตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน ขณะที่ฝ่ายคนเจ็บ คือ นายชีหยาง ชง ( Mr. Qiyang Song ) อายุ 26 ปี สัญชาติจีน ปัจจุบันยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา โดยตำรวจมีการอายัดตัว หลังชุดสืบสวน สภ.ห้วยใหญ่ , สภ.เมืองพัทยา , สืบสวนจังหวัดชลบุรี , สืบสวน ตม.ชลบุรี , นำกำลังไปค้นห้องพัก ย่านซอยเทพประสิทธิ์ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และ ยึดของกลางอาวุธปืนได้อีกจำนวน 2 กระบอก ( เป็นอาวุธปืนสั้นจำนวน 1 กระบอก และ อาวุธปืนลูกซองสไลด์ จำนวน 1 กระบอก และ ยาเสพติดจำนวนหนึ่ง พร้อมทั้ง จับกุมชาวจีนได้เพิ่มอีก 3 คน ซึ่งอยู่ภายในห้องดังกล่าว ทั้งหมด พบว่า อยู่ในราชอาณาจักรไทยเกินเวลาอนุญาตที่กำหนด (โอเวอร์สเตย์) และมีสารเสพติดอยู่ในร่างกายทุกคน ส่วนประเด็น รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า ซีบีอาร์ สีเลือดหมู ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์สายตรวจ ทะเบียนตราโล่ ที่ไปพบว่าจอดอยู่ในบ้านหลังที่เกิดเหตุ โดยตำรวจ สภ. ห้วยใหญ่ ไปยึดมาได้ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังชาวบ้านโทรศัพท์มาแจ้งว่า มีชาวจีนใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า เมื่อเข้าตรวจ พบรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวจอดอยู่ในบ้านเกิดหลังเกิดเหตุ จึงมีการตรวจยึดนำมาตรวจสอบ โดยล่าสุดมีการยืนยันแล้ว รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเป็นของ สภ.หางน้ำสาคร จ.ชัยนาท แต่มีการปลดระวาง และถูกจำหน่ายออกไปประเมินขายทอดตลาด ก่อนจะมีผู้ซื้อไปในราคา 8,000 บาท ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างการขยายผล เพิ่มเติมว่า หลังจากที่มีการขายเข้าทอดตลาดแล้ว รถมาอยู่ที่บ้านของชาวจีนหลังนี้ได้อย่างไร พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี เปิดเผยว่าในคดีนี้ต้องขอชื่นชมตำรวจทุกนาย โดยเฉพาะ ตำรวจ สายตรวจ สภ.ห้วยใหญ่ ที่เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะประสานงานชุดสืบสวน ติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งพยายามจะหลบหนี ไปไกลห่างจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 3 กม. นอกจากนี้ ร่วมกันบูรณาการจากตำรวจหลายฝ่าย เข้าตรวจสอบและค้นที่พัก รวมถึงรถยนต์ของกลุ่มชาวจีน จนสามารถยึด ยาเสพติด อาวุธปืน และ เครื่องผลิตบุหรี่ไฟฟ้า ได้จำนวนมาก โดยใช้เวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง ซึ่งในคดีนี้ ต้องแยกออกเป็น 2 เรื่อง ระหว่างฝ่ายผู้ก่อเหตุ กับ ฝ่ายผู้ถูกก่อเหตุ โดยฝ่ายผู้ก่อเหตุมีทั้งหมด 3 คน ส่วนฝ่ายผู้ก่อเหตุ มี 4 คน รวมทั้งหมด 7 คน ซึ่งทั้งหมดจะถูกตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา ฐานความผิด อยู่ในราชอาณาจักรไทยเกินเวลาที่กำหนด ( โอเวอร์สเตย์ ) , พรบ.อาวุธปืน , มียาเสพติดให้โทษไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย , และ เสพยาเสพติดโดยผิดฏหมาย ( คนจีนทั้ง 7 คนมีปัสสาวะเป็นสีม่วงทั้งหมด ) มีเพียง นายจู บิน ( MR.JU BIN ) จะถูกแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม “ ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ” ส่วนสาเหตุปมเหตุในครั้งนี้ ตำรวจยังไม่สามารถ ชี้ชัดได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งหมดให้การไม่เป็นประโยชน์ ส่วนเรื่องการยืมเงิน 500,000 บาท เป็นการกล่าวอ้างของตัวผู้ต้องหา แต่อย่างไรก็ตามตำรวจเชื่อว่าปมเห็นในครั้งนี้น่าจากการขัดผลประโยชน์กันเอง ส่วนเรื่องยาเสพติด ผู้ต้องหาชาวจีนให้การยอมรับว่า นำมาขายให้กับกลุ่มชาวจีนกันเอง ซึ่งจากข้อมูลเชิงลึก พบว่ากลุ่มชาวจีนรายนี้ จะนำยาเสพติดไปขายให้กับชาวจีนกันเองในสถานบริการ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่หยุดแค่นี้ อีกทั้ง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 มีการสั่งการ ให้ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เร่งสืบสวนขยายผล ทุกอย่างที่เกี่ยวกับกลุ่มคนจีนกลุ่มนี้ ค้นหาแหล่งที่มาของยาเสพติดและอาวุธปืนทั้งหมด เส้นทางการเงิน รวมถึงว่าคนไทยเกี่ยวข้องกับคดีนี้หรือไม่ โดยเบื้องต้น ซึ่งกลุ่มคนจีนกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่ทางตำรวจ สภ.ห้วยใหญ่ เตรียมจะออกหมายค้นตรวจสอบบ้านหลัง แต่ดันมาเกิดเหตุขึ้นเสียก่อน ซึ่งหลังจากนี้ ตำรวจจะเร่งสืบสวนขยายผล พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี กล่าวปิดท้ายว่า หลังจากนี้ ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี จะร่วมกับตำรวจทุกหน่วยงาน เตรียมตรวจสอบชาวจีน 1500 คน ซึ่งมีประวัติลักลอบอาศัยอยู่ในประเทศประเทศไทย (โอเวอร์สเตย์) โดยจะมีการกวาดล้างจับกลุ่มให้สิ้นซาก และป้องกันไม่ให้มีการลักลอบกระทำความผิดในประเทศไทยต่อไป

นอภ.ยันตัวอาคารปลอดภัย ด้านนายเมือง ห่วงชิมเพลท จุดที่เหลือ ทางคอนโดฯเร่งหารือรื้อออก จากกรณีเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา เกิดเหตุชิมเพลทซีเมนต์ ตกแต่งด้านข้างคอนโดมิเนียม ถล่มลงมาใส่ ซุ่มนั่งพักริมสระน้ำ จนทำให้นักท่องเที่ยวออสเตรเลีย ที่นั่งเล่นอยู่ได้รับบาดเจ็บ ขาหัก ศีรษะแตก ได้เข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และมีรถจักรยานยนต์ของลูกบ้านที่พักอาศัยอยู่ ได้รับความเสียหาย รวมไปถึงมีการเคลื่อนไหวบนสังคมโซเชียลเน็ตเวลิค ลงไปต่างๆนาๆ สร้างความสับสน กังวลใจให้กับนักท่องเที่ยว และผู้พักอาศัย ล่าสุด เมื่อวานเวลา 19.36 น.วันที่ 28 พฤษภาคม 2568 นายพัชรพัชร์ ศรีธัญญนนท์ นายอำเภอบางละมุง เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ชิมเพลทซีเมนต์ ตกแต่งด้านข้างตัวอาคารในระดับชั้นที่ 37 ของคอนโดมิเนียม หลุดออกจากโครงสร้างอาคาร ตกลงมาใส่นักท่องเที่ยว จนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งอยู่ในอาการปลอดภัยแล้ว ทางนิติของคอนโดฯ แจ้งว่าไม่มีผลกระทบกับตัวโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด โดยทางเมืองพัทยาก็ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงแล้ว คาดว่าน่าจะไม่มีผลกระทบใด และได้มีการกันพื้นที่ พร้อมแจ้งกับลูกบ้านว่าเป็นเพียงแผ่นชิมเพลทตกลงมาเท่านั้น นายพัชรพัชร์ ศรีธัญญนนท์ นายอำเภอบางละมุง ชี้แจงคอนโดฯแห่งนี้ สูง 45 ชั้น มีกว่า 1,000 ยูนิค สร้างมาประมาณ 8 ปี อยู่ในการดูแลของนิติบุคคล ซึ่งการสร้างอาคารสูงนั้นจะต้องอยู่ภายใต้ พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร ทางเมืองพัทยาก็ได้มีทีมช่างและวิศวกรคอยตรวจสอบอยู่แล้ว ขณะที่ก่อนหน้านี้เกิดแผ่นดินไหว ส่งผลให้ตึก สตง.ถล่มนั้น ทางคอนโดฯแห่งนี้ ได้มีการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรง ในส่วนของชิมเพลท ที่ถล่มลงมานั้นเรียกได้ว่าเป็นเหมือนเครื่องประดับให้ตัวอาคาร ซึ่งด้วยระยะเวลาอาจจะเกิดการชำรุดทำให้ร่วงหล่นลงมา และในชั้นถัดไป ยังมีชิมเพลทติดอยู่อีก 3 ด้าน ทางนิติก็จะเอาเข้าที่ประชุม เพื่อทำเรื่องขออนุมัติที่จะเอาออก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เข้าพักอาศัยทั้งคนไทยและต่างชาติ ไม่น่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรงใดๆ ในส่วนของภาพที่ลงเป็นไวรัลลงภาพตึกที่เอียงเอนนั้น เป็นมุมที่ถ่ายบนภูเขาจึงทำให้เกิดความเข้าใจผิด ด้านนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา กล่าวว่าในการตรวจสอบของหน่วยงานนั้น ได้ตรวจสอบในเรื่องของความแข็งแรง เรื่องโครงสร้างไม่ใช่ปัญหาที่มีข่าวออกไป ในเรื่องของการถล่มของตึง สตง. ที่ทำให้ทุกคนไม่มีความมั่นใจ จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ สำรวจและยืนยัน ที่แผงตกแต่งตกลงมาในส่วนของสระน้ำ เมื่อตัดประเด็นเรื่องโครงสร้างทิ้งทางเมืองพัทยาก็สบายใจขึ้น แต่ในส่วนของแผงตกแต่งนั้นมีทั้งหมดสี่ด้าน ถ้าเกิดหล่นลงมาแล้วหนึ่งด้าน ที่เหลืออีกสามด้านนั้น ก็ไม่สามารถจะมั่นใจได้ว่าอยู่ในสถานะภาพใด จึงได้มีการให้ปิดกั้น ในจุดที่อาจจะมีผลกระทบจากแผ่นตกแต่ง จะต้องเลี่ยงไม่ให้ผ่านในเส้นทางนั้น ให้ทางฝ่ายนิติบุคคลเป็นผู้บริหารจัดการเอง เพื่อให้ผู้ที่พักอาศัย ได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด เพราะความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมากที่สุด จึงต้องขอความร่วมมือแกมบังคับ ที่จะไม่ให้ผ่านในจุดที่มีตัวแผงตกแต่งอยู่ด้านบน และจะลงพื้นที่ตรวจสอบเพิ่มเติมในวันพรุ่งนี้ ส่วนในด้านทางกฎหมายนั้น ทางนิติบุคคลจะต้องมีการชดเชยค่าเสียหายและผู้บาดเจ็บ ส่วนในด้านอื่นนั้นยังไม่พบ ขณะนายสุวิทย์ ชัยสัตรา ผจก.อาคารชุด กล่าวถึงในการแก้ปัญหาเบื้องต้น ได้มีการแจ้งไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมถึงลูกบ้าน และกันพื้นที่เกิดเหตุห้ามเข้าไปโดยเด็ดขาด ในเรื่องของสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดเหตุ คืออุปกรณ์ตกแต่งของตัวอาคาร ซึ่งโครงสร้างตึกนั้นยังคงปลอดภัย ส่วนแผนต่อไปในการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่พักอาศัย คือจะต้องมีการรื้อส่วนประกอบตกแต่งที่ยังเหลือออกให้หมด เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาในอนาคต ส่วนผู้บาดเจ็บนั้นทางนิติ ได้โทรสอบถามอาการอยู่ตลอด พร้อมทั้งยืนยันว่าจะมีการเยียวยาตามลำดับต่อไป รวมไปถึงทรัพย์สินพวกรถจักรยานยนต์ที่ได้รับความเสียหายด้วย

สาวตกคอนโดหรูย่านจอมเทียน ดับปริศนา เช้าวันนี้ 07.30 น. ( 27 พ.ค.68 ) พ.ต.ต.นิวัฒน์ เพ็งแคน สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรีรับแจ้งมีคนตกตึกเสียชีวิต ภายในคอนโดแห่งหนึ่ง ย่านจอมเทียน-พัทยา ฝั่งถนนจอมเทียน 2 ม.12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วพร้อมด้วย พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ ผกก. , พ.ต.ท.อรุษ สภานนท์ รอง ผกก.สส. , ตำรวจชุดสืบสวน , ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน 2 ชลบุรี (พฐ.) , แพทย์เวร , และ หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างเร่งด่วน เป็นคอนโด สูง 59 ชั้น ตรวจสอบบริเวณชั้นล่างด้านข้างคอนโด ใกล้กับสวนหย่อม พบศพหญิงสาว ยังไม่ทราบสัญชาติที่แน่ชัด อายุประมาณ 30-40 ปี สภาพนอนหงาย สวมเสื้อแขนยาวสีเขียว นุ่งกางเกงสีน้ำเงิน โดยสภาพตกกระแทกพื้นอย่างรุนแรง จนกระดูกหักหลายท่อน เสียชีวิตคาที่ ซึ่งยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าผู้ตายตกจากชั้นใดของคอนโดดังกล่าว ขณะที่ ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 2 ชลบุรี , แพทย์เวร , และ ชุดสืบสวน ได้ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบในจุดเกิดเหตุอย่างละเอียด โดยไม่สามารถระบุได้ว่าผู้ตายตกมาจากชั้นใด แต่มีการตั้งข้อสงสัย ว่าน่าจะตกมาจากชั้น 14 เพราะกระจกหน้าต่างเปิดอ้าอยู่ ส่วนสาเหตุการตกตึกลงมาเสียชีวิต ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัด ซึ่งตำรวจอยู่ในระหว่างลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

ออกอุบายนัดเคลีย์ใจ ไล่ล่า มีดฟัน ปืนยิง ขว้างระเบิดคู่กรณีหนีตาย เสียหลักชนรถจอดข้างทาง เจ็บ 2 ดับ 1 เมื่อเวลา 00.36 น. วันที่ 23 พฤษภาคม 2568 ศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่บนถนนหนองปรือ ใกล้เคียงร้านขายเนื้อหมู เนื้อไก่ ม.3 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.หนองปรือ พร้อมนำกำลังเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยฯเข้าตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า จีราโน่ สีเทา ทะเบียน 2 กร 1707 ระยอง ล้มคว่ำได้รับความเสียหาย มีผู้บาดเจ็บ คือนายตี๋ (นามสมมุติ) อายุ 15 มีบาดแผลที่ข้อเท้าถูกกระจกบาดเป็นแผลฉกรรจ์ เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนเคลื่อนย้ายส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้บาดเจ็บอีกราย คือ นาย ศตวรรษ ปาระพิมพ์ อายุ 31 ปี กลุ่มเพื่อนได้เคลื่อนย้ายส่งโรงพยาบาลเองเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงเสียชีวิตในเวลาต่อมา และผู้บาดเจ็บรายที่3 คือ นายอัครเดช ปรีชามาตย์ อายุ 18 ปี ส่วนคู่กรณีได้หลบหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว ในที่เกิดเหตุยังพบรั้วสังกะสีบ้านเรือนประชาชนถูกรถพุ่งชนจนได้รับความเสียหาย และยังมีอาวุธมีดตกอยู่ 1 เล่ม และเศษแก้วแตกเกลื่อนพื้น สอบถามนายพงศธร อายุ 19 ปี อยู่ในอาการเสียใจ ให้ข้อมูลว่า ต้นเหตุเป็นเรื่องของผู้หญิง แล้วได้เคยเคลียร์ใจกันไปแล้ว แต่เคลียร์กันไม่ลงตัวจึงมานัดเจรจากันอีกครั้ง แต่ฝ่ายคู่กรณีไม่มา ทุกคนจึงเตรียมตัวแยกย้ายกลับ ในระหว่างทางคู่กรณีคล้ายดักรออยู่ ได้ขับรถไล่ตาม โดยมีอาวุธครบมือทั้งมีด ปืน และระเบิดแบบทำเอง กระทั่งนายศตวรรษ จยย.เสียหลัก พุ่งชนรถที่จอดข้างทาง จนร่างกระเด็นเข้าไปอยู่ใต้ท้องรถ ส่วนกลุ่มผู้ก่อเหตุไม่ยอมรามือ ยังคงถืออาวุธปืนพยายามเข้ามาก่อเหตุซ้ำ แต่ตนเองเข้าไปห้ามไว้ว่ารู้จักกัน กระทั่งพี่ชายที่ขับรถเก๋งตามมา ขับไล่ชนฝั่งคู่กรณี ทำให้คู่กรณีพากันหลบหนีไป ด้านนายยุพลาภ สกุณะสิงห์ อายุ 32 ปี ผู้ขับขี่รถยนต์ฮอนด้า แอคคอส สีบรอนซ์ ทะเบียน จษ 2047 ชลบุรี เปิดเผยว่า ตนเองอยู่ฝ่ายผู้เสียชีวิต ได้นัดเคลียร์ปัญหากันกับฝั่งคู่กรณี ระหว่างที่แยกย้ายกลับคู่กรณีที่ดักอยู่ขี่รถจยย.ไล่ โดยใช้อาวุธปืนข่มขู่ตนเองจึงสั่งให้ทุกคนรีบหนีก่อน กระทั่งพบว่าผู้เสียชีวิตจยย. เสียหลักล้มได้รับบาดเจ็บนอนอยู่ใต้ท้องรถ โดยมีกลุ่มคู่กรณีล้อมไม่ยอมให้ช่วยเหลือ ทั้งจะใช้อาวุธปืนยิงซ้ำ ตนเองจึงถอยรถพุ่งเข้าชน เพื่อหวังจะเปิดทางช่วยเหลือคนเจ็บส่งโรงพยาบาล ส่วน น.ส.สายธาร อายุ 18 ปี เล่าวินาทีเกิดเหตุ ให้ฟังว่าฝ่ายคู่กรณีนั้นมีเรื่องกับฝั่งของตนเอง เมื่อวานได้นำระเบิดมาขว้างใส่ตนเอง แต่ไม่ได้ได้รับบาดเจ็บอะไร วันนี้จึงออกอุบายนัดจะมาขอโทษ แต่ภายหลังเปลี่ยนใจว่าจะไม่มาแล้ว ระหว่างที่ตนเองแยกย้ายกลับ ซึ่งไม่รู้ว่าคู่กรณีมีใครบ้างขี่รถไล่ติดตาม แล้วสั่งให้จอด ถูกตนจึงขี่หลบหนีจนกระทั่งพี่ชายเสียหลักชนกับรถจอดข้างทาง ตัวเองจึงวนกลับมาดูฝ่ายคู่กรณีพยายามจะทำร้ายซ้ำโดยใช้มีดฟัน โชคดีที่ตนเองหลบทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ขณะที่กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพเหตุการณ์ไว้ได้บางส่วน เป็นจังหวะที่ผู้เสียชีวิตมากับรถจยย.โดยมีฝ่ายคู่กรณีไล่ติดตามมา แล้วเกิดเสียหลักพุ่งเข้าชนรถยนต์เก๋งที่จอดอยู่ริมทาง ต่อมาได้มีวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ คาดว่าทั้งฝั่งผู้ตายและฝั่งคู่กรณี ลงมาก่อเหตุทะเลาะวิวาทกัน ก่อนที่รถยนต์เก๋งทะเบียน จษ 2047 ชลบุรี ที่ขับเลยไปสังเกตเห็น กลุ่มของตนเอง ถูกล้อมไว้ จึงตัดสินใจถอยรถพุ่งชน แล้วเดินหน้าพุ่งชนวัยรุ่นสองคนกำลังชกต่อยกัน อัดกับรั้วสังกะสีของชาวบ้านจนได้รับความเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นพ.ต.ท.ชาย ศรีดามณี สว.สอบสวน สภ.หนองปรือเจ้าของคดีได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ บันทึกภาพ และตรวจสอบกล้องวงจรปิดไว้เป็นหลักฐาน รายงานผู้บังคับบัญชาพ.ต.อ.ณัฐพล ผ่องสุขสกุล ผกก.สภ.หนองปรือ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ลงพื้นที่หาเบาะแสของคนร้าย โดยรู้ตัวผู้ก่อเหตุที่กำลังหลบหนีหนีทั้งหมดแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดีตามทางกฎหมายต่อไป

หนุ่มรัสเซีย พี้กัญชาหนัก เพ้อผีตามฆ่า ดิ่งชั้น 9 ดับ เมื่อเวลา 23.46 น. วันที่ 22 พฤษภาคม 2568 ร.ต.ท.เกรียงไกร แก้วพิภพ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองพัทยา สาขาย่อยโค้งดงตาล รับแจ้งเหตุนักท่องเที่ยวพลัดตกที่สูงเสียชีวิต เหตุเกิดที่คอนโดมิเนียม แห่งหนึ่ง ย่านจอมเทียน เมืองพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งรายงานผู้บังคับบัญชา พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ ผกก.สภ.เมืองพัทยา พร้อมนำกำลังเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยฯเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ข้างตึกB พบร่าง MR.MIKHAIL DOLGH อายุ 27 ปี สัญชาติรัสเซีย พลัดตกจากชั้น 9 ร่างกระแทกพื้นเสียชีวิต จากการตรวจสอบบนห้องพักเลขที่ 340/481 พบอุปกรณ์การเสพกัญชา และกัญชาจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งไม่พบร่องรอยการรื้อค้นทรัพย์สิน การต่อสู้หรือทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด สอบถามพนักงานรักษาความปลอดภัยของคอนโดฯ ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตมีอาการคล้ายกับหลอนหวาดกลัวอะไรบางอย่าง โดยจะเพ้อพูดว่ามีผีตาโบ๋ ตามล่าจะฆ่าตนเอง แล้วโวยวายคลุ้มคลั่งวิ่งขึ้นลงตึกอยู่หลายรอบ ซึ่งผู้ตายมีพฤติกรรมชอบเสพกัญชา จนกระทั่งช่วงเกิดเหตุมีลูกบ้านผ่านมาเห็นวินาทีชาวต่างชาติตกลงมาจากชั้น9 จึงมาแจ้งให้ตนเอง เพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบดังกล่าว ด้านเพื่อนบ้าน เล่าให้ฟังว่าได้ยินเสียงของชาวต่างชาติรายนี้ตะโกนโหวกเหวกโวยวายร้องด้วยเสียงที่น่ากลัว ซึ่งเพิ่งมีอาการในช่วงของวันนี้ แต่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีความผิดปกติแต่อย่างใด เบื้องต้นร.ต.ท.เกรียงไกร แก้วพิภพ เจ้าของคดีได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุรวมถึงห้องของผู้เสียชีวิตอย่างละเอียด ซึ่งพบอุปกรณ์การเสพกัญชา กัญชา ซึ่งสันนิษฐานว่าผู้เสียชีวิตนั้นเกิดอาการคลุ้มคลั่งกระโดดลงมาเอง อย่างไรก็ตามได้ส่งร่างผู้เสียชีวิตไปตรวจชันสูตร เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป